ฐานทั้งสี่

Last updated: 5 ธ.ค. 2564  |  2205 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ฐานทั้งสี่

รู้สึกไปที่ ฐานทั้ง 4

เราตามรักษาจิตไปเนืองๆ เราดูจิตไปใน ฐานทั้ง 4 เหมือนที่พระอาจารย์สอน

จากจิต .. เรายกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง

เราน้อมไปที่มือ ที่ร่างกาย กระแสก็เกิดขึ้น

กระแสที่มือก็เข้าสู่จิต นี่เรียกว่า ฐานกายในกาย อาศัยกายภายนอก

เราหงายมือบนหน้าตักเบาๆ พอเรารู้สึกไปที่มือเบาๆ

กระแสจากที่มือ ที่กระทบกัน ก็เข้าสู่จิตข้างใน

นี่เรียกว่า เวทนาในเวทนา คือ รู้สึกไปในความรู้สึกนั้น

เรารู้สึกไปเบาๆ .. วางความรู้สึกไปเบาๆ สบายๆ

สังเกตที่ร่าง เราก็รู้สึกไปที่ร่างเบาๆ นั่งในท่าไหน? มือเราวางอย่างไร?

พอเรารู้สึกที่ร่างเบาๆ จากภายใน เรารู้สึกเป็นภายในบ้าง ภายนอกบ้าง

กระแสภายนอก ก็สะเทือนเข้าสู่ภายใน

จากฐานกายในกาย เวทนาในเวทนา

ไม่ว่าเราจะมอง จะฟังอะไรก็ตาม กระทบข้างนอกก็เข้าสู่ข้างใน

พอเราทำชำนาญ ที่สุด..กระแสทั้งหมด ก็จะเข้าสู่จิตภายใน ไม่ใช่จิตข้างนอกที่คิดเรื่องราว แต่เป็นจิตในจิตภายใน

จิตภายนอก ท่องเที่ยวในวัฏฏสาร เพราะยังไม่แจ้ง ยังไม่หลุดพ้น

เราเข้าสู่จิตในจิตภายใน เพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง

เราสังเกตไปข้างในสบายๆ นิ่งก็รู้สึกไปในความนิ่ง สงบก็รู้สึกในความสงบ มันก็ว่างอยู่

ในความว่าง มันมีสภาวะ.. เหมือนน้ำที่นิ่ง เห็นใต้น้ำ ก็เห็นได้ชัดเจน

พอนิ่งอยู่ เห็นการเกิดดับ เข้าสู่จิตในจิตภายใน

เหมือนตาน้ำที่ผุดอยู่ วุ้บๆ เบาๆ เป็นความรู้สึก รู้สึกข้างในเบาๆ เห็นความไม่เที่ยง เกิดดับภายใน

เมื่อเข้าสู่จิตภายใน อาสวกิเลสก็คุ้ยขึ้นมาเรื่อยๆ

ภายในก็สลัดออกไปเรื่อยๆ เรียกว่า คลายการยึดติด

ความคิดกังวลต่างๆ คุ้ยขึ้นมาๆ ให้เราเห็นว่า เอ๊ะ เดี๋ยวมันก็คิดขึ้นมา คิดตลอดเลย หยุดคิดไม่ได้เลย

ไม่ได้ฝึกให้หยุดคิด ไม่ใช่นั่งสมาธิเพื่อหยุดคิด แต่ให้เห็นตามความเป็นจริง

เราฝึกจิต ให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ความคิดนี้บังคับมันไม่ได้ เพราะอะไร?

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์

คืออยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สิ่งใดเป็นทุกข์ บังคับมันไม่ได้ อย่ายึดถือเอามาเป็นตัวเรา

ให้มีปัญญาเห็น ตามความเป็นจริง ว่า ทุกข์ที่เกิดขึ้น นั่นไม่ใช่ตัวเรา

นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นสิ่งนั้น เราไม่ได้เป็นความคิด อย่าเอาความคิดมาเป็นตัวเรา

นี่เรียกว่า ให้เห็นตามความเป็นจริง

เมื่อคลายการยึดติด จิตจึงหลุดพ้น เพราะอะไร? เพราะเบื่อหน่ายในสิ่งที่เราหลงอยู่

ความคิด มันคิดไปคิดมาไม่นิ่ง เรายึดถือความคิดว่าเป็นตัวเรา จึงคิดว่าเราไม่นิ่ง

เมื่อเห็นไม่ชัด ไม่กระจ่าง จึงเห็นผิดไปจากความเป็นจริง

พอเรากระจ่างอย่างนี้ .. ถึงความคิด มันคิดไป มันกำลังแสดงให้เห็นว่า บังคับมันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ความคิดก็เป็นแค่ที่ปรึกษาเฉยๆ มีหน้าที่ให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

ดี .. ก็เอามาใช้ได้ ไม่ดี .. ก็ไม่เอามาใช้

แต่ที่ปรึกษา ไม่ใช่ตัวเรา  จิตก็เลยออกจาก ความคิดทั้งดี และไม่ดี

เรียกว่า เข้าถึงหัวใจของพระพุทธศาสนา ละชั่ว ทำดี กลับเข้าสู่จิตที่ผ่องใส

เรียกว่า เห็นตามความเป็นจริง เมื่อเห็นอย่างนี้ไปเนืองๆ ย่อมคลายการยึดติด จิตก็เลยหลุดพ้น เพราะไม่ยึดมั่น

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้