เห็น แล้วปล่อย

Last updated: 23 มิ.ย. 2568  |  32 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ธัมมทีโป บ้านวังเมือง

ศ.นพ.อนุชา อภิสารธนรักษ์ ถาม:

กราบนมัสการครับ พอจิตเข้าสู่ทางสายกลางที่ฐานจิต.. 

มันจะเห็นขันธ์ห้าเกิดดับและผู้รู้เกิดดับ 

จิตที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่างผู้รู้และขันธ์ห้า ในมหาสติ จะอยู่แค่ปัจจุบัน ..

จะไม่ดึงอดีตหรืออนาคตมา

ดังนั้นเรื่องราวที่เป็นภาระทางโลกที่จำเป็นต้องทำทีหลัง

จึงถูกเพิกออกทำให้เหมือนลืม

แต่แท้จริงแล้ว มันเพิกออกจากทั้งสภาวธัมม์ในทางสายกลาง

และเพิกออกเพราะจิตน้อมสู่สภาวะดิ่งลงภวังค์จิต 

มันเหลือแค่มหาสติกับปัญญาในปัจจุบัน

สภาพธัมม์จะตั้งมั่น  ขยายออกเอง โดยไม่ต้องไปทำอะไร

เหมือนไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่ในทางสายกลางที่ประกอบองค์มัคค์ ..

สำหรับทางโลกคง ต้องจดบันทึก 

ไม่อย่างนั้นจิตจะเพิกเรื่องราวออกไปครับ

--------------------

พระอาจารย์ธัม์มทีโป ตอบ:

เมื่อเห็นจิตเกิดดับภายใน  ไปเนืองๆ  ตัวปัญญาจะรวมกับตัวรู้ เข้าไปเป็นตัวเห็น 

เมื่อเห็นจิตเกิดดับไปเนืองๆแล้ว ตัวเห็นก็จะแจ้งในการเห็น และไม่หมายมั่นในการเห็น เพราะมีปัญญากำกับ 

เห็นแล้วไม่สงสัย วิจิกิจฉาทำอะไรไม่ได้ เพราะเข้าสู่ห้วงแห่งภวังค์แห่งปัญญา  เหมือนมีเกราะแก้วมาคุ้ม 

จิตภายในก็จะพุ่งไปเรื่อยๆ ดูเหมือนนิ่งเฉยๆแต่เขาพุ่งไปไม่มีวันหยุด 

เดินทางไปไม่มีวันหยุด เป็นจักรวาลภายใน.. อนันตจักรวาลภายใน ไม่มีที่สิ้นสุด

ความสงบย่อมเกิดขึ้น ย่อมเห็นแจ้งในเรื่องราว

แต่ไม่หมายมั่นในเรื่องราวภายใน  

บางคนก็ปล่อยเลย..  ทิ้งเลย จากเรื่องราวภายนอก

บางคนก็อยู่ภายนอก ไม่ยึดมั่นกับภายนอก 

แต่เห็นภายนอกตามความเป็นจริง ..  ไม่ยึดติดกับเรื่องราว 

สร้างบารมีโพธิสัตว์  ช่วยเพื่อนมนุษย์

เหล่าสรรพสัตว์ให้ได้เห็นแจ้งในจิตภายใน

จิตเริ่มดิ่งญาณเริ่มเกิดทิ้งรูปกาย

สมดังหมายเห็นจิตลงภวังค์

แล้วจากนั้นเห็นจิตเจ็ดขณะ

ขันธ์ห้าละออกจากจิตหรือไฉน

กายก็ละจากขันธ์ห้าปิติใจ

รู้ภายในเห็นจิตวิมุตพลัน

แล้วจากนั้นเห็นจิตหลุดจากจิต

เพ่งพินิจว่าอะไรไฉนนั่น

เหมือนพระจันทร์ทอแสงผ่องอำพัน

จิตดวงนั้นเป็นวิมุตหลุดพ้นเอย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้